เอ็นดูชาวต่างชาติ นี่หรือวัฒนธรรมไทยไม่เหมือนที่คิดไว้เลย? ต่างชาติเข้าใจถึงกับต้องกล่าวขอบคุณ!

ได้มีการรวบรวมวัฒนธรรมไทยที่ชาวต่างชาติ นั้นเวลามาเที่ยวเมืองไทยแล้วเขารู้สึก
ว่าเขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยวันนี้เรา มาดูกันนะคะยกตัวอย่างเช่นมีนักท่อง
เที่ยวชาวแคนาดาเขาบอกว่าแฟนเขาเป็นคนไทย ชอบสั่งผักะเพรามากินตอนเช้าเขาบอกว่าตก
ใจมากๆเลยอาหารเช้าที่เมืองไทยกินกันเยอะ ขนาดนี้เลยหรอแล้วก็กินอาหารรสจัดมากๆ
ด้วยถัดมานะคะมีชาวอังกฤษเขาบอกว่าเขา แปลกใจมากๆเพราะว่าคนไทยนั้นชอบไปรับ
ประทานอาหารนอกบ้านส่วนการรับประทานอาหาร นอกบ้านสำหรับชาวอังกฤษส่วนใหญ่มักจะเป็น
โอกาสพิเศษก็คือความหรูหราที่ต้องการใน มื้ออาหารแต่สำหรับคนไทยทำไมถึงรับประทาน
อาหารนอกบ้านกันเยอะมากๆเลยและที่สำคัญ ราคาอาหารก็ไม่แพงด้วยถัดมาเป็นนักท่อง
เที่ยวชาวเคนย่าค่ะเขาบอกว่ามาเป็นครูสอน ภาษาที่เมืองไทยตอนแรกเห็นคนไทยเอาแท่ง
อะไรก็ไม่รู้มาแตะจมูกทุกๆวันเลยเขาก็ไม่ เข้าใจว่านั่นคืออะไรจนกระทั่งไปถามว่า
นั่นเอาอะไรไปแตที่จมูกเขาบอกว่านี่คือยา ดมเขาบอกว่าอยู่มา 5 ปีเพิ่งจะรู้ว่าแท่ง
ที่เอามาแตะที่จมูกเนี่ยคือยาดมพอดมแล้ว จะอารมณ์ดีถัดไปเป็นชาวอังกฤษค่ะบอกว่างง
มากๆเมาเที่ยวเมืองไทยเคยเห็นคนไทยเวลา เดินผ่านคนที่มีอายุมากกว่าแล้วก็นั่ง
อยู่ทำไมต้องเดินแบบก้มตัวแล้วก็ค่อยๆ ย่องไปด้วยเขาลองทำตามและรู้สึกว่าเมื่อย
หลังมากเพิ่งมารู้รู้ทีหลังว่าคนไทยมี วัฒนธรรมที่เคารพผู้ที่มีอายุมากกว่าถัด
มาเป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเขาบอกว่า มาขึ้นรถไฟฟ้าในเมืองไทยทำไมทุกคนถึงนั่ง
เงียบกันขนาดนี้ไม่มีใครคุยกันเลยเธอก็ เลยหันไปคุยกับเพื่อนแล้วก็มีคนไทยยกนิ้ว
แล้วก็ทำสัญญาณว่าจุ๊ๆให้เงียบก่อนนะเขา บอกว่านยส่วนตัวนึกว่าคนไทยจะเฟรนลี่ขนาด
นี้แต่ว่าทำไมเวลาขึ้นรถไฟฟ้าทุกคนถึง เงียบกันจังถัดมานะคะเป็นชาวอังกฤษค่ะเขา
บอกว่าที่ประเทศอังกฤษอ่ะเวลาน้ำท่วมหลาย ๆคนก็จะออกไปเล่นน้ำกลางถนนอย่างมีความ
สุขให้ความรู้สึกเหมือนกับไปเที่ยวทะเล แต่ว่าในเมืองไทยเวลาน้ำท่วมทำไมทุกคนถึง
เดินหนีกันไปหมดไม่มีใครอยากจะเล่นน้ำกัน เลยหรอถัดมานะคะเป็นชาวต่างชาติเขาบอกว่า
เวลาขึ้นรถไฟใต้ดินที่ประเทศของเขาทุกคน จะต้องสู้สุดชีวิตเพื่อแย่งกันให้ได้ขึ้น
รถไฟฟ้าแต่ว่าที่เมืองไทยทำไมทุกคนถึง ปฏิบัติตามกฎยืนเข้าแถวเรียงหนึแล้วก็
เดินขึ้นทีละคนไม่แย่งกันเป็นอะไรที่เขา ประทับใจมากๆตอมาเที่ยวเมืองไทยถัดมาเป็น


นักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์ค่ะเขาบอกว่าเขา แปลกใจมากตอนมาเที่ยวเมืองไทยตอนแรกเขา
อยากจะไปเที่ยวชมวัดที่สวยงามแต่แล้วหลาย ๆอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นว่าใน
ประเทศไทยนั้นคนไทยจะถอดรองเท้าเข้าคิว แทนแล้วก็ไปหาที่นั่งเล่นมือถือไม่มีใคร
ยืนต่อคิวเลยซึ่งจริงๆเขาบอกว่าแบบนี้ เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ดีมากๆมากเลย
เดี๋ยวกลับไปโปแลนด์เขาจะทำแบบนี้บ้างดี กว่าแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจเขาหรือ
เปล่าถัดมาเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ค่ะเขาบอกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นเวลาคน
ญี่ปุ่นนัดกันจะต้องตรงเวลาเป๊ะแต่ว่า เพื่อนคนไทยเขาเล่าให้ฟังว่าสำหรับเมือง
ไทยนั้นเวลานัดกันหากมาสาย 15 นาทีเป็น เรื่องปกติเขาบอกว่าตอนแรกเขานึกว่า
เพื่อนของเขาพูดเล่นก็เลยแปลกใจจว่าทำไม เวลานัดกันเพื่อนของเขาถึงมาไม่ตรงเวลา
เลยสักครั้งก็เลยได้รู้ว่าที่พูดมานั้น เป็นเรื่องจริงส่วนที่เกาหลีละก็ถ้าเกิด
ผิดนัดผิดคำพูดแม้แต่ผิดคำสัญญาเล็กๆน้อย ๆการทำแบบนี้จะถูกยกเลิกทันทีเพราะว่าจะ
ถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่มีจรรยาบรรณไม่มือ อาชีพแม้กระทั่งการพูดเล่นๆเป็นสิ่งที่คน
ไทยนั้นยอมรับได้แต่ว่าสำหรับคนเกาหลีไม่ สามารถยอมรับได้เลยโดยเฉพาะดิวงานการนัด
จะต้องนัดแบบตรงเวลาถ้าหากนัดเกี่ยวกับ งานหรือธุรกิจหากผิดนัดก็จะถือว่าไม่มือ
อาชีพและไม่มีจรรยาบรรณแต่สำหรับในเมือง ไทยหากมาช้าก็จะสามารถได้รับการให้อภัย
แล้วก็สามารถเลื่อนนัดได้ถัดมาเป็น culture SH ของชาวนอร์เวย์นะคะเขาบอก
ว่าเคยมาเที่ยวเมืองไทยเพื่อมาดู คอนเสิร์ตนักร้องเขาแปลกใจมากๆว่าทำไมคน
ไทยถึงชอบให้ของขวัญนักร้องมากๆมีคนนำของ ขวัญไปให้ที่หน้าเวทีตลอดเลยและที่ตกใจ
มากกว่านั้นคือมีคนกำเงินสดให้ให้เป็น จำนวนมากทำมาเป็นแผงบ้างทำมาเป็นพวงบ้าง
ทำมาเป็นช่อดอกไม้บ้างเขาบอกว่าเห็นแล้ว ตกใจเลยบางคนไม่มีเงินหรือไม่มีของขวัญก็
เอาผลิตภัณฑ์การเกษตรจากที่บ้านมาให้ไม่ ว่าจะเป็นข้าวโพดเป็นถั่วเป็นต้นหอมแต่
เอามาแบบลังใหญ่ๆเลยคนไทยนั้นใจดีขนาดนี้ เลยหรอถัดมาเป็นชาวเอสโตเนียค่ะบอกว่ามี
เรื่องราวนึงที่รู้สึกตกใจมากเช็อกมากที่ เจอคนไทยยิ้มให้แล้วก็ทักทายเตลอดเวลาเขา
บอกว่าที่ประเทศของเขาหากมีคนแปลกหน้า ยิ้มให้แล้วก็มาทักทายแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็
จะงงแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจว่าจะมาทักทำไม ต้องการอะไรกันแน่แต่พอมาอยู่เมืองไทยสัก
พักก็เริ่มจะเข้าใจแล้วก็รู้สึกตรงกัน ข้ามคือถ้าเกิดคนไม่ยิ้มให้ก็จะต้องแปลก
ใจแล้วว่าเป็นอะไรทำไมคนอื่นถึงไม่ยิ้ม ให้แต่ว่าการจราจรในเมืองไทยนี่สิตรงข้าม
กับนิสัยที่เฟรนลี่ของคนไทยมากๆเลยเพราะ ว่าไม่มีใครยอมให้คข้ามถนนเลยแต่ว่าที่
เอสโตเนียเป็นเรื่องต้องห้ามถ้าหากเห็นคน กำลังจะข้ามถนนจะต้องหยุดรถแล้วก็ให้คน
เดินข้ามถนนก่อนทันทีถัดมาเป็นชาว เม็กซิกันค่ะเขาบอกว่าแปลกใจว่าทำไมคนไทย
ส่วนใหญ่จะมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกับ หยิบเอาทุกอย่างรอบๆตัวมาตั้งเป็นชื่อไม่
ว่าจะเป็นสัตว์ยี่ห้อรถหรือแม้แต่ผลไม้ยก ตัวอย่างเช่นแคทเบนซ์เชอรี่ than กิเขา
บอกว่าตกใจมากๆเลยมีคนชื่อชื่อแต่งกิ้ว ด้วยชื่อรถแล้วก็ชื่อผลไม้ยังพอจะเข้าใจ
ได้บ้างแต่พอมาอยู่เมืองไทยเขาบอกว่าเขา เลยเข้าใจว่าชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้
เป็นชื่อที่ใช้เรียกในชีวิตประจำวันส่วน ชื่อจริงที่เป็นทางการและใช้ในเอกสาร
ราชการถ้าอยากรู้ว่าคนนั้นชื่อจริงชื่อ อะไรก็จะต้องถามแต่เธอบอกว่าเวลาถามแล้ว
เธอก็รู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะว่า คนไทยนั้นชื่อยาวมากจนเธอนั้นไม่สามารถจำ
ได้แล้วก็ไม่มีตรงนั้นที่ชื่อจริงนั้น สัมพันธ์กับชื่อเล่นเลยเธอบอกว่าพยายามดู
ซีรีส์ของไทยชอบดาราคนนึงมากแต่จำชื่อ จริงไม่ได้ซะทีเพราะว่าชื่อจริงนั้นเรียก
ยากแล้วก็อ่านยากจริงๆถัดมานะคะเป็นนัก ท่องเที่ยวชาวแคนาดาค่ะเขาบอกว่าเคยถาม
เพื่อนร่วมงานคนไทยว่ากินข้าวหรือยัง เพื่อนคนไทยก็ยิ้มให้แล้วก็ทำเฉยๆเขาบอก
ว่าตกใจนึกว่าจะชวนเพื่อนไปกินข้าวซะ หน่อยทำไมเพื่อนถึงทำเฉยเมยอยู่ไปอยู่มา


ถึงเข้าใจว่าการที่ถามว่ากินข้าวหรือยัง เหมือนกับการทักทายว่าห่าวอายอยู่เหมือน
กับว่าคนไทยอ่ะชอบทักทายกันแบบนี้เพราะ ว่าเมืองไทยมีอาหารเยอะแยะทุกที่เลยการ
กินข้าวแล้วก็เหมือนกับต่อว่าอ่ามฝ่ายคือ กินได้สบายๆแล้วก็มีความสุขดีเขาบอกว่า
มื้อนั้นตอนแรกเขารู้สึกเสียใจเลยที่ไม่ มีคนกินข้าวกับเขาและถัดมาค่ะเป็นนักท่อง
เที่ยวชาวเกาหลีใต้เขาบอกว่าตกใจมากเลย ทำไมคนไทยถึงพูดเรื่องการขับถ่ายกันอย่าง
เปิดเผยกล้าพูดแม้กระทั่งในที่สาธารณะ เช่นอยู่ดีๆก็เคยได้ยินคนไทยคุยกันในสวน
สาธารณะว่าวันนี้ท้องเสียโอ๊ยเขาบอกว่า จริงๆคิดว่าเป็นเรื่องที่แบบไม่ควรจะพูด
นะแต่แล้วคนที่เขาทำงานด้วยที่เป็นคนไทย ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าคนไทยเนี่ยมองว่า
เป็นเรื่องธรรมชาติแล้วก็เมืองไทยยังมี สำนวนและภาษิตที่ใช้คำว่าขี้เยอะมากด้วย
นะเช่นว่าขี้ไม่ให้หมากินกรรขี้ดีกว่า กรรมตดกินบนเรือนขี้บนหลังคาอย่าเอาไม้
สั้นไปรันขี้คนไทยนั้นไม่ได้มองว่าเรื่อง นี้เป็นเรื่องน่าอายหรือว่าเรื่องที่น่า
ปิดบังเลยถัดมาเป็นชาวแคนนาดาค่ะซึ่ง หนุ่มคนนี้บอกว่าตอนแรกเขาตั้งใจย้ายมา
อยู่เมืองไทยแต่น่าจะพลาดไม่ได้ฉลอง คริสต์มาสแน่แน่เพราะว่าส่วนใหญ่รู้มาว่า
คนไทยนั้นนับถือศาสนาพุทธแต่ความเป็นจริง กลับไม่ใช่เลยคนไทยนั้นจัดงานประดับประดา
และเฉลิมฉลองช่วงคริสต์มาสสวยงามอลังการ ยิ่งใหญ่กว่าที่แคนาดาซะอีกถัดมานะคะเป็น
นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันค่ะเขาบอกว่า ก่อนที่เขาจะมาทำงานในเมืองไทยเขาได้คุย
กับคนไทยแล้วเขาก็ตกใจมากว่าวัฒนธรรมใน เมืองไทยกับที่อเมริกาไม่ได้เหมือนกันเลย
เขาบอกว่าเวลาคนอเมริกันลาป่วยทำให้เกิด เหตุกะทันหันต้องลางานต้องขาดเรียนหรือ
ว่าไปตามนัดกันไม่ได้ก็จะบอกเหตุผลว่าแค่ ป่วยหรือรู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ว่าคนไทย
นั้นกลับบอกข้อมูลกันอย่างละเอียดเลยเช่น ประจำเดือนไม่มาก็เลยปวดท้องหรือว่าท้อง
เสียมาทั้งวันถ่ายมา 7 ครั้งแล้วโดยที่ ไม่รู้สึกว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่อง
น่าอายหรือเป็นเรื่องที่เป็นส่วนตัวมาก เกินไปแต่ว่าคนอเมริกันจะมองว่าเรื่องแบบ

นี้แค่พูดนิดเดียวก็พอไม่ต้องลงราย ละเอียดลึกก็
[เพลง] [ปรบมือ]

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *