คนไทยคิดเห็นอย่างไร เมื่อเขมรจะเข้ามาตรวจวัดภูม่านฟ้าในไทยโดยทำเรื่องติดต่อผ่านสำนักพุทธฯ

ตอนนี้มีไวรอลในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับ เรื่องปราสาทหินของวัดภูม่านฟ้าที่
จังหวัดบุรีรัมย์ค่ะบอกว่าตอนนี้เขมรถือ สิทธิ์ต้องการจะเข้ามาตรวจสอบสิ่งก่อ
สร้างบนอธิปไตยของประเทศไทยซึ่งก่อนหน้า นี้ได้มีข่าวโพสต์ว่าวันที่ 29-31
พฤษภาคมนี้ทางทีมงานจากประเทศกัมพูชาได้ เตรียมตัวมาเยือนวัดผูม่านฟ้าของประเทศ
ไทยโดยมีการประสานงานผ่านทางสำนักพุทธโดย มีโพสต์ว่าสถานะล่าสุดในเรื่องวัดภูม่าน
ฟ้าคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีสำนักนายกว่านอกจาก
วิชาการที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการ อย่างเต็มที่มาตลอดเห็นว่าเรื่องก่อสร้าง

วัดใหม่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกระทรวง วัฒนธรรมแต่ว่าเป็นสำนักพุทธจึงขอให้มอบ
หมายสำนักพุทธประสานงานในเรื่องนี้ต่อไป โดยมีหลายคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นนะ
คะว่าเอ๊ะทำไมจะต้องมาตรวจสอบหลายรอบแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการแถลงข่าวออกมาแล้ว
ที่มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่าไม่ได้พบ การลอกเลียนแบบอะไรทั้งสิ้นก็เลยไม่เข้า
ใจว่ารอบนี้จะมาเพื่ออะไรเหมือนกับว่า พยายามจะทำให้ทางฝั่งไทยเนี่ยยกเลิกการ
สร้างวัดภูม่านฟ้าไปเองส่วนทางด้านรัฐบาล ไทยก็เน้นทางด้านความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศต้อนรับขับสู้กับประเทศเพื่อนบ้าน บางคนก็มองนะคะว่าในประเด็นนี้จริงๆไม่
น่าจะให้เข้ามาตรวจสอบแล้วก็อีกอย่างนึง ถ้าเกิดเข้ามาบ่อยๆก็จะทำให้ฝ่ายช่างที่
กำลังก่อสร้างวัดภูม่านฟ้าเนี่ยทำให้เสีย เวลาที่ต้องมาให้คนดูแล้วก็คนอื่นมาตรวจ
สอบซึ่งจริงๆแล้วเป็นศิทธิ์ของทางวัดภู ม่านฟ้าบางคอมเมนต์ก็บอกว่าโดยส่วนตัวคิด
ว่าหากไม่ได้มาด้วยเรื่องเกี่ยวกับศาสนา ก็ไม่ได้เกี่ยวกับสำนักพุทธจริงๆส่วนนี้

สำนักพุทธน่าจะปฏิเสธค่ะเพราะว่าอาจจะ เป็นการดำเนินการนอกเหนือหน้าที่ถ้าเกิด
มาตรวจสอบวัดก็น่าจะเป็นคนละแบบและอีก อย่างก็เคยมาตรวจสอบไปแล้วบางคอมเมนต์ก็
บอกว่าหรือว่าบางทีเนี่ยอาจจะมาเก็บราย ละเอียดศิลปะบางทีอาจจะนำไปคัดสำเนาก็ได้
ค่ะเพราะว่าในอดีตนั้นที่เขมรเข้ามาดูนาน ในเมืองไทยส่วนใหญ่ก็จะมาดูวัดเก่าแก่ที่
เป็นวัดโบราณหลังจากนั้นก็จะขอความร่วม มือจากหน่วยงานของไทยแล้วก็อ้างความ
สัมพันธ์เพื่อมีความร่วมมือระหว่างกัน หลังจากมาดูงานแล้วหลังจากนี้ต้องคอยดู
ว่าจะมีการคัดลอกงานแบบของไทยหรือไม่ ปัจจุบันนี้บางคนก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามี
คนเขมรหลายคนส่งมาเรียนที่เมืองไทยเพื่อ ขัดล่อ
ศิลปวัฒนธรรมแต่ว่าคนไทยเนี่ยไม่ได้ไป เรียนที่เขมรเพราะว่าไม่มีอะไรให้เรียน
รู้ศิลปากรไทยมีงานช่างฝีมืออยู่แล้วแม้ แต่หมู่บ้านวัดเพราะว่าแค่วัดไทยก็มีกว่า
48,000 วัดประเทศไทยเรามีการถ่ายทอดสืบส วัฒนธรรมแบบรุ่นต่อรุ่นถึงแม้จะไม่ได้
เรียนหนังสือตามหลักสูตรแต่ก็ยังเก่งกว่า ข้างบ้านที่มาไทยเรียนเพื่ออาวุธซึ่งเหตุ
ผลจริงๆก็คือเขาไม่เคยมีวัฒนธรรมเป็นของ ตัวเองบางคอมเมนต์ก็บอกว่าถ้ามาแล้วจะได้
อะไรขึ้นมาจริงๆแล้วการอ้างศิทธิ์เพื่อ เข้ามาตรวจสอบในประเทศไทยไม่ควรจะสามารถ
ใช้คำนี้ได้นะใช้สิทธิ์อะไรมาตรวจสอบ เพราะว่าที่นี่ประเทศไทยยวัดูงม่านฟ้าก็
สร้างอยู่บนผืนแผ่นดินไทยในราชอาณาจักร ไทยจริงๆไม่ควรจะให้เข้ามาตรวจสอบด้วยซ้ำ
เดี๋ยวจะย้อนเรื่องให้เพื่อนๆฟังนิดนึงนะ คะว่าในช่วงปลายปีที่แล้วก็คือช่วงเดือน
ธันวาคมเป็นข่าวดังที่เรียกว่าดราม่า ระดับประเทศเพราะว่าตอนนั้นเนี่ยกัมพูชา

เขาได้ไปฟ้องยูเนสโกค่ะว่าวัดภูม่านฟ้า ของไทยกอล์ฟนครวัดแต่ว่าสำนักพุทธก็ได้
ออกไปชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีการเลียนแบบ แต่อย่างใดพร้อมกันนี้สำนักพุทธก็บอกว่า
พร้อมให้ตรวจสอบแต่ว่าตอนนั้นที่พร้อมให้ ตรวจสอบก็คือให้องค์การยูเนสโกมาตรวจสอบ
โดยเรื่องของเรื่องก็เริ่มต้นที่กระทรวง วัฒนธรรมและวิจิตสิง์ของประเทศกัมพูชาได้
ออกมาบอกว่าวัดภูม่านฟ้าของไทยเนี่ยมา เลียนแบบแต่แล้วค่ะทางด้านกระทรวง
วัฒนธรรมและวิจิสิงหของกัมพูชาก็ได้ออกมา ประกาศอีกครั้งหนึ่งว่าตอนเนี้ยได้เห็น
แล้วว่าวัดภูม่านฟ้าของของไทยไม่ได้ลอก เลียนแบบแต่เขาบอกว่าชาวในนของกัมพูชาก็
ไม่ฟังค่ะทำให้สื่อโซเชียลกัมพูชาไม่พอใจ แล้วก็มองว่าการสร้างวัดในประเทศไทยเนี่ย
ยังไงก็เลียนแบบมาจากประสาทนครวัดทำให้ ต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการที่มีการ
แถลงการจากกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิสิงห์ กัมพูชาเมื่อวันที่ 26 เดือนกันยายนปี
2023 โดยไม่ได้ระบุชัดในแถลงการณ์แต่ว่า อาจจะเป็นการกระแสสังคมโดยกระทรวง
วัฒนธรรมและวิจิศิลป์เขาประกาศว่าได้ให้ ความสำคัญกับกิจกรรมการก่อสร้างอย่างใกล้
ชิดและประสานทางประเทศไทยรวมทั้งได้ส่ง ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบแล้วเพื่อไม่ให้ใช้
แบบเดียวกับนครวัดซึ่งจุดเริ่มต้นของ ประเด็นดราม่าวัดภูม่านฟ้าเนี่ยเนื่องจาก

ว่าประเทศไทยได้ไปยื่นทะเบียนมรดกโลก ยูเนสโกเมืองโบรานศรีเทพซึ่งได้ขึ้น
ทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สำเร็จหลังจากนั้น ก็มีข่าวว่ากระแสนักท่องเที่ยวในเมือง
เสมราชค่อนข้างจะเงียบเหงาไม่ค่อยมีนัก ท่องเที่ยวไปเที่ยวที่นครวัดเขาบอกว่า
สาเหตุเนี่ยเนื่องมาจากมีการห้ามถ่ายภาพ แล้วก็ห้ามถ่ายคลิปปินโดรนในนครวัดรวมถึง
ในเมืองเสมราชก็มักจะมีข่าวเชิงลบว่ามี การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวและยังมีกระแส
ภาพยนตร์จีนที่ยกกัมพูชาให้เป็นทางของ กระบวนการคอเซ็นเตอร์ก็เลยเป็นช่วงหนึ่ง
ที่นักท่องเที่ยวไม่กล้าไปเที่ยวที่เมือง สิราชนอกจากนี้ยังมีกระแสสื่อออนไลน์ใน
กัมพูชาหลายสื่อแสดงให้เห็นว่าไทยเนี่ยมี นักท่องเที่ยวล้นสนามบินตั้งแต่ช่วงปลาย
ปีที่แล้วโดยเฉพาะย่านเยาวราชมีนักท่อง เที่ยวต่างชาติเข้ามามากมายซึ่งสววนกระแส
กับทางกัมพูชาที่ถึงแม้จะสร้างสนามบิน ใหม่แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เพิ่มจำนวนนักท่อง

เที่ยวขึ้นมาเลยนอกจากนี้กัมพูชาก็มีความ กังวลใจว่าวัดผูม่านฟ้าอาจจะมีนักท่อง
เที่ยวไปเที่ยวชมมากกว่านครวัดในอนาคต เพราะว่าประเทศไทยจัดกิจกรรมการท่อง
เที่ยวได้ดีกว่าและจะเป็นหัการท่องเที่ยว ในปัจจุบันนี้เพราะว่าชาวต่างชาตินิยมมา
ท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นอย่างมากและชื่อ เสียงการท่องเที่ยวในเมืองไทยก็ติดอันดับ
โลกโดยมีข่าวว่าทางผู้อำนวยการสำนักงาน พระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ได้ระบุว่า
วัดภูม่านฟ้าที่กำลังมีการก่อสร้างจนเป็น เป็นดราม่าในสื่อโซเชียลกัมพูชาว่ามี
ลักษณะคล้ายคลึงกับปราสาทนครวัดของประเทศ กัมพูชาจากการตรวจสอบข้อมูลของวัดภูม่าน
ฟ้าที่ได้รับการอนุญาตให้สร้างวัดตั้งแต่ วันที่ 8 ตุลาคมปี
2562 และวัดภูม่านฟ้าได้รับอนุญาตตั้ง วัดในพระพุทธศาสนาตั้งแต่วันที่ 31
พฤษภาคมปี 2564 ซึ่งเจตนาของการสร้างสร้างวัดนี้

เป็นพุทธสถานสร้างแบบเชิงท่องเที่ยวโดย พระสมศักดิ์จีวรจิตโตรักษาการแทนเจ้า
อาวาสได้ยืนยันว่าไม่ได้มีการสร้างเลียน แบบแต่อย่างใดหรือว่าไม่ได้ใช้ศิลปะของ
นครวัดมาก่อสร้างมีเพียงใจดี 3 องค์ที่มี ลักษณะคล้ายโดยพื้นที่ที่จะสร้างอาณา
บริเวณจะมีการสร้างใจดี 3 องค์ซึ่งลักษณะ การสร้างก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงส่วน
ลายศิลปะมีทั้งของไทยและคอมปะปนกันโดยพระ เองเป็นคนออกแบบแต่หากหน่วยงานไนต้องการ
จะเข้าไปตรวจสอบก็พร้อมที่จะอำนวยความ สะดวกโดยมีบางคนค่ะมาแสดงความคิดเห็นว่า
อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ที่ทางกัมพูชา ต้องการจะทำเป็นมาตรวจสอบจริงๆแล้วเขหา
เรื่องมาเรียนรู้งานทางฝั่งไทยมากกว่า เมื่อครั้งก่อนก็บอกว่ามาเรียนงานช่างฝี

มือฝั่งไทยแต่ดันบอกว่ามาสอนงานคนไทยจริง ๆแล้ว้าอะไรไม่เป็นเลยบางคนก็มาแสดงความ
คิดเห็นแล้วก็วิเคราะห์ค่ะว่าจริงๆแล้ว ไม่ใช่แค่งานสร้างวัดหรือว่าศิลปวัฒนธรรม
ไทยทั่วไปเท่านั้นที่กัมพูชาต้องการจะ เข้ามาตรวจสอบจริงๆแล้วเขาอยากจะเข้ามา
ศึกษาดูงานแม้กระทั่งอาหารไทยที่หลายๆ เมนูตอนนี้ไปปรากฏอยู่ที่ร้านอาหารแล้วก็
ในสื่อโซเชียลของกัมพูชาล้วนมีหน้าตา เหมือนอาหารไทยทั้งสิ้นแต่ว่าแม้แต่ชื่อ
ของเมนูก็ยังไม่มีชื่อเลยเรียกว่ามาดูงาน ที่ไทยมาทำงานที่ไทยหรือว่าเห็นอะไรที่
เป็นของไทยที่ชาวต่างชาติชอบก็ทำแบบครู พักรักจำแล้วก็เอาไปทำเองจริงๆแบบนี้ไทย
เราเวลามีอะไรควรจะต้องมีการจดลิขสิทธิ์ ไว้ก่อนหมดเลยดีั้คะเพื่อป้องกันอะไรที่
จะเกิดขึ้นในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *