ลูกศิษย์ขุนพันธ์ เสือกลับ เป็นเสือที่ขุนพันธ์ยอมรับว่าเป็น

เรื่องราวของโจรชื่อดังสมัยก่อนที่เกี่ยว ข้องกับขุนพันธ์มีหลายคนซึ่งทุกคนคงจะ
ทราบกันว่ามีใครกันบ้างแต่คนนี้พิเศษ หน่อยเพราะเป็นหนึ่งในสามเสือที่ขุนพันธ์
ยอมรับนั่นก็คือเสือกลับหรือทวดกลับส่วน อีก 2 คนคืออะแวร์กับเสือพันธุ์ขุนแผน
เสือกลับน้ำสกลของท่านจริงๆแล้วไม่ใช่คำ ทองนะครับผมเห็นแทบทุกคลิปใช้นามสกุลนี้
กันหมดมีข้อมูลยืนยันจากลูกหลานของท่าน ที่ยังมีชีวิตอยู่ว่านามสกุลจริงคือดำทอง
จากข่าวที่ลูกหลานไปฟ้องคนที่ทำเหรียญรูป เหมือนของท่านออกมาขาย

เสือกลับเกิดที่ตำบลเขาวิเศษอำเภอวัง วิเศษจังหวัดตรังก่อนที่จะมาเป็นเสือท่าน
ได้มีเรื่องกับพี่เขยและพลั้งมือฆ่าพี่ เขยจนเสียชีวิตด้วยความที่กลัวอาญาแผ่น
ดินจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปและได้ไป อยู่เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อได้ศึกษาวิชาทาง
ไสยศาสตร์กับพระอาจารย์ทองเฒ่าเจ้าสำนัก วัดเขาอ้อจนมีความเชี่ยวชาญท่านมีเพื่อน
เกลออยู่คนหนึ่งที่อาจารย์นำอายุอ่อนกว่า ประมาณ 20 ปีคนทั้งสองเรียนวิชาจนทันกัน
มีความสามารถเข้ากันแต่อาจารย์นำเลือกทาง เข้าสู่บวรพุทธศาสนาแต่เสือกลับเลือกที่
จะเป็นโจรเมื่อพระอาจารย์ทองเฒ่ามรณภาพ แล้วจึงย้ายมาศึกษาต่อกับพระอาจารย์เอียด
ที่วัดดอนศาลาซึ่งเป็นสาขาของวัดเขาอ้อ นอกจากนี้เสือกลับท่านยังได้เรียนวิชา
คาถาอาคมต่างๆจากพ่อท่านศรีทันดรวัดนาภาค ใต้เรียนวิชาทดเมื่อซึ่งวิชานี้หากใครจับ
ก็จะลื่นทั้งตัวจากอาจารย์แขกท่านหนึ่ง ที่จังหวัดสตูลเสือกลับมีวิชากำบังกาย
ล่องหนหายตัวได้เป็นผู้ที่มีวิชาอาคมที่ เข้มขลังถือว่าเป็นฆราวาสที่ทรงวิทยาอาคม
อีกท่านทั้งด้านคงกระพันชาตรีหนังเหนียว มหาอุดพูดได้ว่าเสือกลับเป็นศิษย์พี่ของ
ขุนพันธ์ก็ว่าได้การเป็นศิษย์อาจารย์ เดียวกันนี้เองจึงทำให้ทั้งสองต้องรักษา

สัจจะที่อาจารย์เจ้าสำนักสั่งสอนไว้โดย สั่งไว้ว่าฝากไอ้กับมันด้วยอยากทำร้ายมัน
เพียงตักเตือนมันก็พอเหมือนว่าผู้เป็น อาจารย์จะล่วงรู้ว่า 10 คนหนึ่งที่เป็น
ตำรวจมือปราบส่วนอีกคนเป็นนักเลงเป็นเสือ อาจจะต้องฆ่าแกนกันไม่วันใดก็วันหนึ่งก็
เป็นได้จริงๆแล้วเสือกลับเป็นโจรที่มี คุณธรรมและยึดถือยึดมั่นในข้อห้ามคำของ
ครูบาอาจารย์ที่ท่านห้ามเอาไว้เสือกลับ เป็นโจรที่ยึดถือสัจจะวาจาตามสัตว์ปฏิญาณ
ของโจรสมัยก่อนไม่ทำร้ายเจ้าทรัพย์เอาแค่ พอประทังชีวิตขุนพันธ์ตามล่าเสือกลับเป็น
เวลานานตั้งแต่ปีพ.ศ 2478 แต่ก็คว้าน้ำ เหลวมาตลอดจึงได้ไปขอคำปรึกษาจากพระ
อาจารย์นำที่สำนักเขาอ้อขุนพันธ์ได้ถาม อาจารย์นำว่าจะมีวิธีจับนายกลับได้อย่าง
ไรอาจารย์นำถึงกับหัวเราะเห็นเป็นเรื่อง ตลกก่อนตอบสั้นๆว่าถ้าจะจับไอ้กลับให้ได้
ก็ต้องตามมันให้ทันขุนพันธ์ก็ออกพยายาม ไล่ล่านายกลับให้ได้โดยใช้การประกบตัวคน
ใกล้ชิดและลูกศิษย์ของแกก็คือนายพ่วงบ้าน อยู่ครองเรือนห่างจากสถานีตำรวจประมาณ 2
กมซึ่งมีคดีฆ่าคนตายแต่หลักฐานไม่เพียงพอ ตำรวจจึงต้องปล่อยตัวไปขุนพันธ์ได้เกียร์

กล่อมให้มาร่วมมือกับตำรวจและโทษอื่นจะ ช่วยให้หนักเป็นเบานายพ่วงก็ยอมตกหักหลัง
ผู้เป็นอาจารย์ทันทีต่อมานายพวกรายงานว่า นายกลับจะไปทำการปล้นที่จังหวัดสงขลาตอน
นี้กำลังทำพิธีบวงสรวงเจ้าที่เจ้าทางอยู่ ที่บ้านของนายพ่วงขุนพันธ์จากกำลังเจ้า
หน้าที่เดินทางไปทันทีแต่ไปถึงก็พบกับ ความว่างเปล่าเพราะกลุ่มโจรของเสือกลับ
ได้หายไปหมดสอบถามเอาจากเพื่อนบ้านได้ ความว่าตอนทำพิธีลูกน้องเสือกลับห้อมล้อม
เป็นวงกลมตัวเสือกลับอยู่ตรงกลางใส่มงคล อยู่ที่หัวคล้ายมงคลของนักมวยนั่งทำพิธี
อยู่ชั่วครู่เสือกลับบอกกับลูกน้องขึ้น ว่าวันนี้เสี่ยเลิกแล้วมงคลไม่เต้นแบบมี
ชีวิตชีวาแต่สั่นเฉยๆเป็นลางไม่ดีกินของ เสร็จแล้วแยกย้ายกันกลับซะของเส้นก็เลย
เป็นของกินของลูกน้องไปจากนั้นก็พากันแยก ย้ายกันกลับหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป 2-3
วันเสือกลับได้มาหานายพ่วงถึงที่บ้าน พร้อมกับชี้หน้าด่า
ห่วงมึงคิดไม่ซื่อกับกูคิดอาจสมคบกับ ตำรวจมาตามจับกูต่อไปนี้มึงกับกูเลิกคบ

กันขาดกันตั้งแต่วันนี้จริงๆแล้วเสือกลับ ควรจะฆ่านายพวกแต่เพราะความเป็นศิษย์เป็น
ครูกันเลยไม่ทำเพราะเสือกลับไม่ใช่คน เหี้ยมในสันดานต่อมาข้าหลวงเมืองตรังได้
เกลี่ยกล่อมลูกหลานเสือกลับที่รับราชการ ที่ศาลากลางจังหวัดให้ไปอ้อนวอนเสือกลับ
มามอบตัวโทษหนักจะได้เป็นบ่าวเสือกับเห็น กับลูกหลานและวงศ์ตระกูลจึงติดต่อไปว่าจะ
เดินทางไปเข้าเรือนจำเองเมื่อถึงเวลานัด เสือกลับเข้าไปจริงๆเสือกลับเข้าไปหา
ทัศดีที่รอรับพัสดุขอตีตัวที่คอและมือ ทั้งสองข้างแต่เสือกลับไม่ยอมโดยอ้างว่า
ผมไม่ได้ถูกจับผมจะมาเข้าคุกเองถ้าทำ อย่างนี้ผมไม่อยู่ผมไปล่ะฝ่ายพระเสด็จ
เรือนจำก็ไม่ยอมเนื่องจากเป็นผู้ร้ายคน สำคัญต้องปฏิบัติตามระเบียบไม่มีการยก
เว้นแต่เสือกลับหาได้สนใจไม่แก่รูดโซ่ ตรวนออกหมดแม้ทัศนีย์จะพยายามจับแกใส่อีก
เสือกลับก็ถอดได้อีกจนสุดท้ายแกเดินออก จากเรือนจำพัศดีได้แต่ทำตาปิดๆพูดไม่ออก
ส่วนผู้คุมทรุดตัวลงนั่งลุกไม่ได้เชื่อ กันว่าทุกคนถูกอำนาจหมดสะกดของเสือกับ

นั่นเองฝ่ายขุนพันธ์ตามล่าเสือกลับอยู่ หลายครั้งก็ไม่ได้ตัวสักทีทั้งๆที่ทำตาม
อาจารย์นำสอนได้แต่คิดปริศนานี้อยู่ เรื่อยๆมาในที่สุดก็มาคิดได้ว่าคำที่ว่า
ต้องตามให้ทันนั่นก็คือต้องเรียนรู้วิชา อาคมให้ทันเสือกลับขุนพันธ์เลยไปเรียน
วิชาเพิ่มเติมกับอาจารย์นำอีกมากมายซึ่ง ก็เรียนได้อย่างรวดเร็วเพราะมีพื้นฐาน
อยู่มากจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2485 ได้เจอซึ่งเป็นสายให้กับตำรวจใน
อดีตเคยเป็นพวกของเสือกับแต่รายงานให้ขุน พันธ์ทราบว่าเสือกลับไปได้แม่หม้ายลูกติด
อยู่ที่ตำบลบ้านนาจังหวัดพัทลุงขุนพันธ์ จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่อีก 6 นายโดยมี
นายเจิมเป็นผู้นำทางขุนพันธ์พร้อมพวกออก เดินทางโดยว่าจ้างรถให้ไปส่งก่อนถึงที่
หมายได้สั่งให้ลดอยู่ขุนพันธ์จ่ายค่ารถไป 30 บาทพร้อมกับสั่งให้รถกลับไปได้ไม่
ต้องรอดนายเจิมเดินหน้าพาเข้าป่าไปทางทิศ เหนือพอไปถึงสวนของชาวบ้านได้เห็นห้างบน
ต้นไม้ใหญ่มีหลังคาและฝ่ากั้นสูงขณะนั้น เป็นเวลา 23:00 นและเจิมจึงบอกให้พักที่
นี่ก่อนรอจนถึง 5:00 นค่อยไปกันต่อห้าง นี้สูงถึง 5 เมตรเสือคงกระโดดไม่ถึงขุน

พันธ์เลยพูดเชิงติดตลกกับทุกคนว่าเสือไม่ กลัวราชสีห์ก็ลองดูคืนนั้นทุกคนนอนหลับ
กันไม่ลงเนื่องจากห่วงงานและมียุงกวนอยู่ ตลอดพอถึงตี 5 ทุกคนก็ลงจาก 5 ในเจิมได้
บอกว่าไม่ต้องรีบเดินกันเพราะบ้านเสือ กลับอยู่ไม่ไกลอีก 30 นาทีก็เดินถึง
ประมาณ 5:30 นตำรวจได้เข้าเขตบ้านเสือ กลับห่างจากเรือนไปทางทิศเหนืออยู่ถึง
เวลา 6 โมงเช้าขุนพันธ์และนายเจิมต่างก็ เห็นนายกลับเปิดประตูระเบียงเรือนออกมา
ยืนนอกฉากตรงที่ตำรวจซุ่มรออยู่พอดีแก นุ่งผ้าพื้นลอยชายสีเขียวใบไม้มีผ้า
ขาวม้าตามหมากรุกพาดไหล่พลอยชายไปข้าง หลังทั้งสองข้างหันหน้ามองดูรอบๆขุนพันธ์
ชี้เป้าหมายให้ลูกน้องดูแต่ไม่มีลูกน้อง คนใดมองเห็นเสือกลับเลยเว้นแต่นายเจอที่
พ่อมีวิชาพอตัวอยู่ที่เห็นเช่นเดียวกับ ขุนพันธ์จ้องมองอยู่ราว 15 นาทีก็มองไม่
เห็นตัวในกับเสียแล้วสักครู่ได้ยินเสียง คนฟันไม้อยู่ทางทิศตะวันตกของบ้านแต่ไม่
เห็นตัวเพราะมีกอหญ้าสูงท่วมหัวบังอยู่ ขุนพันธ์จึงสั่งเคลื่อนที่ด้วยการคลาน

เข้าไปห่างประมาณ 8 ว่าก็เห็นเสือกลับและ ลูกเลี้ยงช่วยกันทำรั้วอยู่แม้จะใกล้ขนาด
นั้นแต่ลูกน้องก็ยังมองไม่เห็นเสือกลับ ใกล้ๆกันนั้นมีจอมปลวกอยู่ขุนพันธ์คิดว่า
หากเสือกลับเดินไปยังจอมปลวกตนเองและลูก น้องจะรีบเข้าไปถึงตัวและใช้วิชามวยจับ
เอาเพราะคนอยู่ยงคงกระพันนั้นหากใช้ปืน ยิงก็คงเสียเวลาเปล่าจะทำให้คนร้ายอาจหนี
ไปได้จึงสั่งห้ามไม่ให้ใครยิงแต่ให้รีบ เข้าไปช่วยตนเองตอนปล้ำจับเสือกลับหารู้
ไม่ว่าตำรวจอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อมคงทำงาน ไปไม่สนใจอะไรแต่ไม่มีตำรวจเห็นตัวเขานาย
เจิมคงรำคาญจึงลุกขึ้นชันเข่าประทับปืน ลูกซองยิงออกไปส่องนัดแต่ไม่โดนเสือกลับ
หันมามองแว๊บเดียวแล้วหันหลังวิ่งทันที คราวนี้ตำรวจทุกคนเห็นเสือกลับหมดแล้วทุก
คนไล่กวดเป็นแถวหน้ากระดาษพอถึงลำห้วย เสือกลับกระโดดลงไปในห้วย
มีน้ำเพียงแค่ศอกจึงวิ่งลุยได้สบายทั้งคน ร้ายและตำรวจวิ่งลุยน้ำอยู่ในห้วยเสือ
กลับเตรียมวกขึ้นตลิ่งตำรวจคนหนึ่งประทับ ปืนส่องไปในระยะห่างเพียง 2 ว่าถูกตรง

สะบัดล้มหงายตึงลงตรงหลังเดินสายแล้วจู่ๆ เสือกลับก็หายไปต่อหน้าต่อตาเฉยๆโดยไม่มี
ร่องรอยขุนพันธ์เข้าใจว่าเสือกับอาจหนี กลับไปบ้านของตนเพื่อไปเอาปืนและเครื่อง
รางจึงนำกำลังกลับไปที่บ้านเสือกลับก็ได้ เจอเข้ากับลูกเลี้ยงจึงใช้ให้ขึ้นไปเอา
เครื่องรางลงมาให้เพราะตำรวจไม่รู้ที่ซอก แต่ลูกเลี้ยงไม่ยอมเพราะกลัว[ __ ]กลับขุน
พันธ์จึงสั่งลูกน้องขึ้นไปค้นขนถึง 3 เที่ยวก็ไม่เจอจึงพากันกลับโรงพักก่อน
กลับและกำชับว่าจะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ตอน เช้าเพื่อมาสอบถามเอาความจริงรุ่งขึ้นขุน
พันธ์และลูกน้องชุดเดิมกลับมายังบ้านเสือ กลับก็พบแต่ลูกเลี้ยงอยู่คนเดียวเมียนาย
กลับไม่อยู่ขุนพันธ์ก็สอบถามลูกเรื่อง เมื่อวานลูกเลี้ยงก็เล่าว่าขณะที่ตำรวจ
ขึ้นไปค้นบนบ้านเสือกลับก็ยืนอยู่ข้างๆ เขาแต่ตำรวจไม่เห็นกันเองเมื่อตำรวจกลับ
หมดแล้วเสือกลับถึงสั่งให้ผมขึ้นไปเอาปืน กับเครื่องรางมาให้หน่อยผมก็บอกว่าตำรวจ
ขึ้นไปค้นตั้งหลายเที่ยวคงเอาไปหมดแล้ว แต่เสือกลับก็บอกว่าของยังอยู่ตำรวจเอาไป
ไม่ได้แต่ลูกเลี้ยงก็เกี่ยงบอกให้เสือ กลับขึ้นไปเอาเองแต่เสือกลับก็พูดมาอีก
ว่าบ้านนี้ข้าจะไม่เหยียดอีก 7 ปีเพราะ ไอ้นายร้อยคนนั้นได้ทำไว้หลายอย่างคงจะ

หมายถึงว่าขุนพันธ์ได้ลงคาถาอาคมเอาไว้ ลูกเลี้ยงจึงขึ้นไปเอาให้เสือกลับบอกว่า
จะเดินทางไปอยู่ต่างขุนพันธ์ได้ถามต่อไป ว่าเสือกลับถูกตำรวจยิงเป็นไงบ้างลูก
เลี้ยงก็ตอบว่าบวมระหว่างซบะโตเท่าผลส้ม เห็นจะได้แต่ไม่มีบาดแผลอะไรหลังจากนั้น
ปลายปี 2485 ขุนพันธ์ได้ย้ายไปอยู่จังหวัดชัยนาทและ
ได้ย้ายกลับมาพัทลุงในปี 2492 คดีความของ เสือกลับหมดอายุเสือกลับก็อายุมากแล้วไม่
ได้มีพฤติกรรมเช่นดั่งก่อนกลับมาอยู่บ้าน เมียที่นาวงเพราะรู้ว่าคุณพันกลับมาแกก็
ย้ายหนีไปอยู่เมืองตรังทันทีแม้ขุนพันธ์ จะฝากข้อความผ่านไปยังอาจารย์นำว่าตนเอง
อยากพบสักครั้งหนึ่งที่จังหวัดพัทลุงแต่ เสือกลับไม่ยอมมาพบโดยฝากข้อความบอกมาว่า
นายร้อยคนนั้นไว้ใจไม่ได้มันยิงผมทีนึง แล้วผมไม่ขอพบก็เป็นอันว่าคนทั้งสองก็ไม่
ได้เจอกันจนทั้งคู่ตายจากกันไปและนี่คือ เรื่องราวทั้งหมดของเสือกลับดำทองที่ขุน
พันธ์ให้การยอมรับอีกคนหนึ่งว่าเป็นของ จริงไม่ได้โม้
[เพลง]

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *